Writing the Romantic Comedy
Romantic Comedy : สูตรสำเร็จเจ็ดจังหวะ
เราต้องเข้าใจก่อนว่าที่เราเรียกมันว่าสูตรสำเร็จ เพราะมันเป็นสูตรที่สมเหตุสมผลในทางหนัง
เราต้องเข้าใจด้วยว่าคนดูเลือกหนังเรื่องหนึ่งเพราะเขาต้องการอะไร คนดูเลือกดูหนัง Romantic Comedy เพราะเขาเธอต้องการหนีไปเที่ยวในโลกพาฝัน : โลกที่ทำให้เชื่อว่า
“รักแท้มีอยู่จริง”
“คนที่ใช่รอเราอยู่ที่ไหนสักแห่งบนโลกนี้และฉันจะพบเขาในชาตินี้”
“โลกที่(แม้มันจะขรุขระอยู่ขณะนี้..แต่)ชีวิตรักควรแฮปปี้เอ็นดิ้ง”
เอาละ ต่อไปนี้คือสูตร- Seven Basic Romantic Comedy Beats หรือ สูตรสำเร็จเจ็ดจังหวะ : )
จังหวะ 1. Setup : สมการเคมีของคนสองคน ( The Chemical Equation : Setup) Sleepless in Seattle เปิดเรื่องด้วยการตายของภรรยาทำให้แซมเป็นคุณพ่อผู้โดดเดี่ยว เพื่อนๆแนะนำให้เขามีแฟนใหม่ แต่เขาประกาศกับเพื่อน (และคนดู) “รักแท้ไม่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง” ส่วนแอนนี ที่เพิ่งเปิดตัวคู่หมั้นกับที่บ้านและลองชุดแต่งงานก็ดันทำชุดนั่นขาดแคว่กเป็นลางร้าย จังหวะนี้คนดูรู้เลยว่าอะไรกำลังรอแอนนีอยู่ข้างหน้า จังหวะที่หนึ่งของเรื่องนี้เพื่อให้เรารู้ว่าพระเอก(protagonist) มีอะไรที่แหว่ง/เป็นปัญหา ซึ่งในทางจิตวิทยาและ/หรือความน่าจะเป็น นางเอกจะเป็นผู้มาเติมเต็มสิ่งนี้ จังหวะนี้ใช้เพื่อบอกว่าทำไมตาคนนี้จึงสมควรเจอยัยคนนี้ แซมไม่คิดว่าจะมีสายฟ้าฟาดกลางใจเขาครั้งที่สอง และแอนนีเพิ่งตระหนักว่าเธอกำลังต้องการสายฟ้าฟาด แซม + แอนนี = สมการเคมี ที่จะสร้างสิ่งใหม่ ( Change ) ที่สมเหตุสมผล
จังหวะ 2. Catalyst : บังเอิญพบกัน (Cute Meet) เหตุการณ์ที่ไม่ใหญ่แต่ว่าสำคัญอันนำเขากับเธอมาเจอและขัดแย้งกัน แยบยลและสร้างสรรค์ มักจะน่าสนุกสนานและขบขัน เพื่อเป็นการเซ็ตมู้ดแอนด์โทนของหนังที่กำลังจะดำเนินต่อไป การพบกันครั้งแรกระหว่างสองตัวละครเอกนี้เป็นการพบที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาและเธอ และโปรดอย่าพาซื่อกับคำว่า Cute ว่าการพบกันนี้ต้องน่ารักงุงิคริคริ และอย่าซื่อว่า “ครั้งแรก” As Good as It Gets เมลวินจอมประสาทเป็นลูกค้าของแครอลสาวเสิร์ฟจอมเครียดก่อนหนังเริ่ม แต่ “ครั้งแรก” ที่เราคนดูเห็นทั้งสองด้วยกัน เมลวินทำผิดร้ายแรงด้วยพูดจาข้ามเส้นเรื่องลูกชาย ที่กำลังป่วยของแครอลและเธอบังคับให้เขาขอโทษเธอ การเผชิญหน้าครั้งสำคัญนี้ ไม่ได้น่ารักตรงไหนเลย แต่เป็นจุดกระตุ้นให้เกิดเรื่องราวต่างๆตามมา
จังหวะ 3. A Sexy Complication : Turning Point 1 จุดหักเหหนึ่ง มีเป้าแต่มีปม ตามท่ามาตรฐานนี่คือตอนจบองก์ 1 เรารู้ตรงนี้ว่า protagonist มีเป้าหมายอะไรอย่างชัดเจน จะยอดเยี่ยมไปเลยหากชายกับหญิงมีเป้าหมายคนละอย่าง/ที่ขัดแย้งกัน หรือว่าเขากับเธอมีเป้าหมายเดียวกันเพียงภายนอกแต่ภายในนั้นแปลกแยกกัน -หากว่าสองคนปิ๊งกันเปรี้ยงปร้างและไม่มีปมขัดแย้งภายใน (inner conflict) เรื่องก็จะเดินด้วยปัญหาภายนอก (outer conflict) เช่น พ่อจะตัดจากกองมรดก หรือเขาถูกเนรเทศออกนอกประเทศ -หากไม่มีปัญหาภายนอกเป็นอุปสรรคทันที ตัวละครเอกสองตัวนี้หรือตัวหนึ่งต้องมีปมปัญหาภายใน ที่กั้นขวางความสัมพันธ์ไม่ให้สำเร็จ (ปมนี้รอการก้าวข้ามและคลี่คลายในหนัง) The Truth About Cats and Dogs แอ็บบี เป็นดีเจรายการหมาแมวได้ทำให้ ไบรอัน หนุ่มโสดสนใจ แล้วด้วยการช่วยเขาฝึกหมาให้เชื่องได้ทางโทรศัพท์ ไบรอันโทรกลับมาเพื่อชวนเธอไปออกเดต แต่เมื่อเขาถามว่ารูปร่างหน้าตาเธอเป็นอย่างไร(เพื่อให้เขาจำเธอได้) ความไม่ภูมิใจในตัวเองของเธอ และเชื่อไปเองว่าเขาต้องผิดหวังในสารรูปเธอแน่ ทำให้เธอแอบอ้างใช้ โนแอล เพื่อนร่วมคอนโดที่เป็นนางแบบหุ่นเซี้ยะ และทำให้เขาเชื่อออกไปเดตด้วยแทน
จังหวะ 4. The Hook : Midpoint จุดกลางเรื่อง โอ้...เรารักเธอ/เขาแล้วรึนี่ สถานการณ์ที่เชื่อมเขาเธอเข้าด้วยกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว สัมพันธ์มีพัฒนาและ... ส่อเค้าว่าจะเกิดผลบางอย่างที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์กับสองคนนี้ Midpointที่มีประสิทธิภาพนอกจากมีฟังค์ชันขับเคลื่อนเรื่อง/พล็อต ต้องเปล่งธีมหนังด้วย When Harry Met Sally ใช้ฉากร้านอาหารที่แซลลีแสร้งทำเฟคออกัสซัม เป็น Mid Point ในฟังค์ชันพล็อต นี่เป็นครั้งแรกที่แซลลีเถียงชนะแฮรีโดยไม่ต้องแข่งขัน ทำให้หญิงชายเสมอภาค แต่สำคัญกว่านั้น-การแสดงสดนั้นทำให้แฮรีเผชิญความรู้สึกของตัวเองว่าแซลลีแม่งเซ็กซีว่ะ เขามองเห็นเธออย่างเอ๊กซ์กว่าที่เคย เหตุการณ์ Midpoint จบลงตรงที่สองคนจูบกันอย่างเคอะเขิน ในคืนส่งท้ายปีเก่า นี่เป็น Hook ที่ขับธีม “คุณจะยังเป็นเพื่อนกันได้ไหมหากเมคเลิฟกันแล้ว”
จังหวะ 5. Swivel : Second Turning Point จุดหักเหสอง : หากรักก็ต้องเลือก ! ตามท่ามาตรฐาน นี่คือตอนจบองก์ 2 ที่เดิมพันขึ้นสูงสุด เมื่อเรื่องรักสำเร็จกลับทำให้เรื่องอื่นที่เป็นเป้าหมายของ protagonist ส่อเค้าฉิบหาย หรือในทางกลับกัน บรรลุเป้าหมายอื่นแต่เรื่องรักกำลังจะล่ม นี่คือจุดที่ตัวละครสองตัวติดกับ/ตกหล่ม (คนดูน่ะรู้อยู่ว่าสองคนนี้เดี๋ยวมันต้องลงเอยกัน) มีความจริงที่เลวร้าย/ที่ไม่อยากยอมรับ แต่ไม่อาจหลีกเลี่ยง การเลือกกระทำ หรือ ไม่ กระทำอะไรของ protagonist จะกำหนดผลของโรมานส์ นี่คือจุดหักเหที่จะหันกลับหลังหรือทำยูเทิร์นไม่ได้แล้ว เขาจะต้องเลือกระหว่าง ก. ความรักมากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ตอนต้น หรือ ข. สละรักเพื่อเป้าหมาย ในWhen Harry Met Sally เมื่อแฮรีมีเซ็กส์กับแซลลี ความเชื่อเรื่องตัวตนของเขาถูกทดสอบ เขาคือชายที่บอกว่าไม่สามารถเป็นเพื่อนกับคนรักแต่เขาเพิ่งเปลี่ยนเพื่อนสนิทที่สุดเป็นคนรัก นี่เขาจะยังยึดมั่นความเชื่อเดิม (เราเลิกเป็นเพื่อนกัน) หรือ เขาจะเปลี่ยนวิถีชีวิต จังหวะ 6. The Dark Moment : Crisis Climax อา....สุดยอดวิกฤต ชีวิตวูบ เมื่อผลของจังหวะ 5.นำมาซึ่งความฉิบหายในจังหวะ 6. มีฉากน่าละอายซึ่งเป้าหมายส่วนตัวของพระเอก/นางเอกถูกเปิดเผย ทั้งเรื่องรักและเรื่องงาน(หรือเป้าส่วนตัวเรื่องอื่น) ของ protagonistดูเหมือนจะตกหลุมดำตลอดกาล ใน Tootsie (พระเอกไมเคิลแต่งเป็นหญิงชื่อโดโรธี) ไมเคิลรู้ทั้งรู้ว่าเขาเสี่ยงที่จะสูญเสียจูลีไปหากเผยความจริง แต่ไมเคิลก็ประกาศต่อโลกว่า โดโรธีแท้จริงแล้วเป็นผู้ชาย ทำให้จูลีต่อยไมเคิลเต็มเหนี่ยวเข้าที่ท้องและเดินออกไปจากชีวิตเขา
จังหวะ 6. ณ หลุมดำนี้ขับเคลื่อนเรื่องและนำคนดูสู่จังหวะ7. อันเป็นจังหวะสุดท้ายอย่างรวดเร็ว
จังหวะ 7. Joyful Defeat : Resolution ความพ่ายแพ้อันเปี่ยมสุข : บทสรุป การประนีประนอมคืนดีที่ยืนยันใหม่ว่าความสัมพันธ์เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ตามท่ามาตรฐานจังหวะนี้ใช้เพื่อบอกว่าทั้งคู่กำลังจะแต่งงาน หรือ ตกลงว่าจะเอาจริงกับรักครั้งนี้ ซึ่งแน่นอนว่าprotagonist “ต้องยอมสละ”บางอย่าง เขากับเธอจะไม่ได้เงินล้านนั้นหรอกแต่ทั้งสองมีกันและกัน หรือ อย่างน้อยที่สุด (ซึ่งเป็นอย่างมากที่สุด)นาทีนี้เรามีเรา ต่อไปนี้คือผ่าตัวอย่าง Notting Hill หนังรักสูตรสำเร็จด้วยเจ็ดจังหวะที่คนทั้งโลกชื่นชอบ ขอแนะนำว่าหากจะเขียนโรแมนติกคอเมดี้ต้องดูเรื่องนี้ให้ได้นะ : เด่นที่คอเมดี้ไม่ได้มาจากมุกแต่มาจากบุคลิกนิสัยตัวละครที่เลือกมาใช้ ทำให้คนดูยิ้ม หัวเราะกับบทสนทนาที่มีไหวพริบและขับเคลื่อนเรื่อง
1. สมการเคมีคนสองคน มองทาจเปิดตัวแอนนา สก๊อตต์เป็นหนึ่งในซุปตาร์หญิงของโลก ตามติดด้วยเปิดตัววิลเลียม แทกเกอร์ (ด้วยว้อยส์โอเวอร์และมองทาจ)ว่าเขาเป็นโนบอดี้ตัวจริง เมียทิ้ง งานง่อย อาศัยอยู่กับเพื่อนเพี้ยน ไร้สิ้นซึ่งโรแมนซ์และความตื่นเต้นในชีวิต แอนนาดูเหมือนมีทุกสิ่งที่วิลเลียมไม่มี
2. บังเอิญพบกัน แอนนาทอดน่องเข้าไปในร้านของวิลเลียมและซื้อหนังสือ เขามีเสน่ห์เข้าตาและไม่วู้ว้าวดาราเช่นเธอ ไม่กี่นาทีต่อมาเขาพบเธออย่างบังเอิญบนถนนและทำน้ำส้มหกใส่ตัวเธอและตัวเขาเอง เขาเสนอให้เธอ แวะที่อพาร์ตเมนต์ของเขาเพื่อทำความสะอาดและเปลี่ยนเสื้อ และอะแฮ่ม..เซอร์ไพรส์..เขาได้รางวัลเป็นจูบร้อนๆจากเธอก่อนจากกัน ณ จุดนี้ ดวงดาวกำหนดเรื่องราวต่อไป วิลเลียมพร้อมแล้วที่จะลงสนาม
3.จุดหักเหหนึ่ง มีเป้าแต่มีปม วิลเลียมขีดฆ่าความบังเอิญพบกันนี้ว่าเป็นเพียงช่วงเวลานาทีเล็กๆแปลกๆที่น่าจดจำ...แต่ได้พบว่า แอนนาโทรหาเขา เขาแวะไปหาเธอที่โรงแรมที่พักซุปตาร์ เพียงเพื่อที่จะถูกเข้าใจผิดว่าเขามันก็แค่ นักข่าวกระจอกที่ตามหาข่าวหนังใหม่ของเธอ แต่ขณะที่คนดูกำลังเห็นว่าสองคนนี้ห่างกันดังฟ้ากับเหว...แอนนาก็ชวนวิลเลียมออกเดต
4.จุดกลางเรื่อง โอ้...รักแล้วหรือไร แอนนาขอให้วิลเลียมมาค้างที่โรงแรมกับเธอ แต่พอวิลเลียมมาเขาก็พบว่าคู่รักคู่รสซุปตาร์ของเธออยู่ หมอนี่ไล่วิลเลียมไม่ให้มากวนใจเธอเพราะคิดว่าเขาเป็นบ๋อยโรงแรม วิลเลียมจากมาอย่างป่วนใจ ไม่ใช่เพราะผิดหวังเท่านั้นแต่เพราะว่าเขารักเธอเข้าแล้ว
5.จุดหักเหสอง หากรักก็ต้องเลือก! วิลเลียมและแอนนาได้ร่วมรักร่วมใคร่กันที่แฟลตของวิลเลียม ทุกอย่างดีงามหวามไหว จนกระทั่งนาที ที่คู่รักลับๆนี้เปิดประตูหน้าแฟลตออกไป เสียงรัวชัตเตอร์ของปาปาราซซีแห่งสหราชอาณาจักรอังกฤษ ทำให้แอนนาจิตแตกและเหวี่ยงใส่วิลเลียม แอนนาบอกว่ามั้ยล่ะ มันต้องมีนาทีนี้ ไม่น่าเลย! เธอเลือกงานของเธอมากกว่าความรัก และจากไป
6.จุดวิกฤตชีวิตวูบ เวลาต่อมา แอนนาตามหาวิลเลียม ขอโทษ และขอโอกาสแก้ตัวสักครั้ง ขอร้องให้เขารักเธอ (ฉากง่ายๆ แต่น้ำตารื้นได้ไงไม่รู้) แต่วิลเลียมซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงป๊อด (เพราะมีเรื่องเข้าใจผิดกันอีก) ไม่ให้โอกาส วิลเลียมระทมใจไปงมหาคำแนะนำจากเพื่อนๆ วิลเลียมได้พุทธิปัญญาจากปฏิกิริยาของเพื่อนๆ ประมาณว่านายตัดสินใจผิดว่ะ
7. จุดยอมแพ้อย่างเปี่ยมสุข : บทสรุปของรักเรื่องนี้ หลังจากติดตามแอนนาอย่างบ้าระห่ำก่อนที่เธอจะเดินทางออกจากประเทศอังกฤษ ... วิลเลียมแหวกวงล้อมนักข่าวไปเสนอหน้าและหัวใจต่อแอนนา เขาขอโทษเธออย่างน่าเวทนา ขอร้องให้แอนนารับเขาไว้ในอ้อมใจ และเธอโอเครับอย่างเบิกบาน ดูเหมือนวิลเลียมกลายเป็นผู้ติดตามในโลกอันสูงส่งวงการหนังของแอนนา แต่ภาพสุดท้ายของหนังเราเห็นสองคนมีความสุขแบบบ้านๆในสวนสาธารณะ
ถอดความจาก “ Writing the Romantic Comedy”
ตอน Structuring Conflict 10 ตุลาคม 2555 : ฤทัยวรรณ วงศ์สิรสวัสดิ์