Home » My Blog » My first boss,คธา สุทัศน์ ณ อยุธยา

My first boss,คธา สุทัศน์ ณ อยุธยา

Posted 11 April 2014

Reminding to my first boss

Part 1 - คุณ และ คุณคธา เกี่ยวกันอย่างไร

วันแรก, Studio A ซอยต้นสน เพลินจิต

ผมออกกองถ่ายวันแรกในชีวิตด้วยความตื่นเต้น คนในกองถ่ายทำงานด้วยความรวดเร็ว กระฉับกระเฉง และเต็มไปด้วย เครื่องไม้เครื่องมือที่ไม่เคยเห็นมาก่อน  ผ้าอนามัย (mock-up) ที่ผมเตรียมไว้ล่วงหน้าเป็นอาทิตย์ เสียบอยู่กับฟุตเหล็ก ต่อเชื่อม กับขา C-stand ถูกรายล้อมด้วยอุปกรณ์จัดแสง  พี่ดอมช่างภาพเพิ่งขานว่างานเขาพร้อมแล้ว ให้รอผู้กำกับ ส่วนตัวเขาเดินกลับไป ห้องทำงานด้านหน้า ทิ้งผู้ช่วยกล้องไว้เฝ้าของกับผม สักพักคุณคธาก็เดินเข้ามาคนเดียว คุณคธาเห็นผมนั่งเฝ้า pack อยู่ ท่านจึงบอก ให้ผมลองจรดตามองดูใน viewfinder ของกล้องดูสิ ผมจำได้ว่า แวบแรกที่มองเห็น มันเป็นภาพที่สว่างมาก อาจเป็นเพราะม่านตา ที่เปลี่ยนจากสภาพแสงที่ค่อนข้างมืดในห้อง ซึ่งตัดกับแสงที่จัดอยู่บน Table Top นั้น 

คุณคธาถามผมว่า มองเห็นอะไรบ้าง? ผมบอกคุณคธาว่า ภาพที่เห็นมันชัดมาก ชัดกว่าตามองเห็นหลายเท่า (ภาพภายใน ของผ้าอนามัยเป็นสำลีสีขาว ตัดกับแบคกราวด์ที่พ่นเฉดท้องฟ้าสีสดตัดกับปุยเมฆที่แอร์บรัชไว้อย่างสมจริง) คุณคธาบอกผมว่า นั่นแหละสิ่งที่คุณเตรียมงานมา มันจึงมีความสำคัญมาก เพราะเลนส์ภาพยนตร์บันทึกภาพที่ชัดกว่าตาธรรมดาจะมองเห็นได้ เพราะฉะนั้นทุกอย่างที่อยู่หน้ากล้องต้องสมบูรณ์ไร้ที่ติ

ผมไม่เคยรู้สึกว่าเป็นคำสั่งของเจ้านาย ที่สำทับกับพนักงานใหม่เช่นผมเลย ภาพแรกที่ถูกมองผ่านกล้อง แจ่มชัดเท่ากับ บทสนทนาสั้น ๆ กับคุณคธาในวันแรกที่ผมพบท่าน เย็นวันนั้น สุมนาพร (ติ๋ม) เลขาแผนกโปรดักชั่น นำเอกสารประกาศรับพนักงาน ใหม่มาให้ผมเซ็น จำได้ว่า แถวล่างสุดที่มีชื่อผมอยู่นั้น เป็นลำดับที่ 26

ปีที่สอง, ห้องทำงานคุณคธา บ้านใหญ่

พวกเราเพิ่งเสร็จกลับมาจากการถ่ายทำภาพยนตร์ตู้เย็นซิงเกอร์ที่มวกเหล็ก จำได้ว่าเป็นงานของคุณภาณุ ลีโอเบอร์เนท คุณคธาเรียกผมเข้าไปประเมินผลงานของทีมในงานนี้ เพราะผลงานของทีมศิลปกรรมทำได้ดีมาก ดังนั้น ผมในฐานะหัวหน้าทีม ช่วยไปวิเคราะห์มาให้หน่อยว่า มีปัจจัยอะไรที่เป็นเช่นนั้น?

สองสามวันถัดมา หลังจากสะสางงานเฉพาะหน้าเสร็จ ผมสรุปเป็นรายงานลงกระดาษพิมพ์ดีด กว่าจะได้มีโอกาสพบ คุณคธาก็เป็นเวลาร่วมเย็นแล้ว คุณคธา พี่วิสูตร กับพี่หน่อย ตั้งวงสนุ๊กเกอร์กันแล้ว คุณคธาจึงขอให้ผมอ่านให้ฟังพลางแทงสนุ๊กไป

คุณคธาฟังเสร็จก็บอกผมว่า ทำรายงานมาได้ดี แต่คำตอบยังไม่ถูกใจทั้งหมด ผมอดไม่ได้ที่จะขอความเห็นจากเจ้านาย แต่คุณคธาก็ไม่ยอมบอกผม ทั้งดูจะสนุกกับเกมที่เล่นอยู่มากขึ้น ผมเห็นว่าขืนอยู่ตรงนั้นต่อไป ผมอาจกลายเป็นกับแกล้ม ของเจ้านายและพวกพี่ ๆ เป็นแน่ จึงได้แวบออกมา และหลังจากนั้นผมก็ไม่ได้สนทนาในประเด็นนี้กับเจ้านายอีกเลย

หลายปีต่อมา หลังจากที่ผมได้ลาออกไปศึกษาต่อที่อเมริกา เป็นปีแรกที่กลับมาทำงานอิสระในฐานะผู้กำกับศิลป์      (art director) ภาพยนตร์โฆษณา ยุคซึ่งถือว่าเป็น freelance รุ่นบุกเบิก จำได้ว่าเป็นงานใหญ่มากที่ผมต้องสร้างฉากใหญ่ นับสิบฉากในเมืองกาญจนบุรีระหว่างที่เตรียมงานอย่างหนักมากในชีวิตครั้งหนึ่ง จู่จู่เหตุการณ์ในการตั้งคำถามวันนั้น ก็ผุดขึ้นมาในสมอง ผมเพิ่งรู้ว่าคำตอบที่คุณคธาต้องการคืออะไร

ตัดกลับไป ผมจำได้ว่าคุณคธาได้ให้ผมมีส่วนร่วมในงานชิ้นนั้นตั้งแต่ร่วมฟังประชุมกับลูกค้า วาดสตอรี่บอร์ด ความรู้สึกผูกพันและรับเอางานชิ้นนั้นเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ทั้งผมก็สนุกกับงานชิ้นนั้นอย่างมาก จำได้ว่า มีปัญหายาก ๆ เกิดขึ้นในวันถ่ายทำ ผมได้ออกไปแก้ปัญหาด้วยตัวเอง ผมสู้ไม่ถอยและไม่กลัวปัญหาที่เกิดขึ้นเลย คิดอย่างเดียวว่า ทำอย่างไร งานจะเสร็จเรียบร้อยและได้งานที่ดีที่สุด ผมเองนั่นแหละ คือปัจจัยสำคัญที่ทำงานนั้นให้สำเร็จ เพียงแต่วันนั้น ผมไม่เคยมี ความเชื่อมั่นในตนเอง พอที่จะตอบกับคุณคธา และคุณคธาก็คงรู้ดีว่า ไม่มีประโยชน์อะไร ถ้าผมไม่ได้ตระหนักด้วยตัวผมเอง

กำลังใจและพลังบวกที่ต้องมีอย่างมหาศาลในการทำโปรดักชั่นทุกครั้งในตลอดชีวิตการทำงาน ส่วนหนึ่งผมได้สร้างขึ้นมา จากการสนับสนุนและการชี้แนะจากเจ้านาย ในช่วงเริ่มต้นชีวิตการทำงานของผมที่สยามสตูดิโอนั่นเอง

 

ปีที่สาม, มุมทานอาหารเช้าคุณคธา เรือนแถวไม้ข้างห้องตัดต่อ

คุณคธาเคยเล่าให้ผมฟังว่า งานที่คนรุ่นคุณคธากว่าจะทำสำเร็จ ใช้เวลาสะสมมาร่วม 20 ปี ท่านบอกว่า คนที่เป็นลูกน้อง และได้เรียนรู้งานจากท่าน ควรใช้เวลาแค่ครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับเวลาของท่าน เพื่อทำงานแบบเดียวกันให้สำเร็จ ถ้าหากคนรุ่นผม ทำไม่ได้ ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากความล้มเหลวในการถ่ายทอดองค์ความรู้ของท่านก็ได้ สำหรับผม ที่เพิ่งทำงานในบริษัทมาได้ ไม่ถึงสามปี ลึก ๆ แล้วก็อดหวั่นใจไม่ได้ว่าจะทำได้ตามที่คุณคธากล่าวหรือเปล่า คุณคธาบอกต่อว่า อย่าลืมนะว่า คนรุ่นท่าน ใช้เวลาเรียนรู้ เริ่มต้นเองทุกอย่างจากศูนย์ ลองผิดลองถูก กลั่นกรองเอาสิ่งที่ใช่ ตกผลึกสะสมเป็นทฤษฎีและแนวทางปฏิบัติ         แล้วได้ผล  ฉะนั้น พวกเราที่เพิ่งเข้ามา ณ ตอนนี้ จึงไม่มีความจำเป็นที่ต้องไปเสียเวลาเท่าท่าน  และไม่ต้องใช้เวลา ขนาดเท่าที่ท่านใช้ไป

ช่วงเวลาก่อนเข้าปีที่สิบในชีวิตการเป็นคนทำหนังของผมได้มาช่วยพี่ดอม พี่จือ สร้างแผนกศิลปกรรม ที่บริษัทแมทชิ่ง สตูดิโอ ผมมักจะตั้งคำถามในใจอยู่เสมอว่า มาตรฐานงานที่เราทำนั้น ใกล้เคียงกับมาตรฐานที่คุณคธา เคยกล่าวถึงไว้หรือยัง ผมลาออกจากแมทชิ่งในเวลาต่อมา เมื่อเห็นว่าระบบรากฐานที่วางไว้เข้มแข็งแล้ว ปีที่แปดถึงสิบในชีวิตการทำงานของผม ผมออกแบบงานโฆษณาที่แมทชิ่งสตูดิโอ นับร้อยกว่า project

 ผมทำงานในช่วงสิบปีที่สองในวิชาชีพผู้กำกับศิลป์ อิสระอยู่ช่วงหนึ่ง และมาตั้งบริษัทออกแบบของตนเองในเวลาต่อมา ผมได้ออกแบบงานโฆษณาให้กับผู้กำกับไทยและผู้กำกับชาวต่างประเทศ รวมทั้งออกแบบงานสร้างให้กับภาพยนตร์นับสิบเรื่อง ผมพยายามทำให้ สิบปีที่สองในชีวิตทำงานของผม เรียนรู้สิ่งที่ไม่เคยได้ทำมาก่อน และคาดว่างานที่สร้างสรรค์ ได้สร้างองค์ความรู้ ใหม่ขึ้นมาในวงการภาพยนตร์ รวมทั้งสร้างบุคลากรในแผนกศิลปกรรมขึ้นมาจำนวนหนึ่ง

ทุกครั้งที่ผมทำงานกับผู้กำกับศิลป์รุ่นต่อมา ผมได้ฝากแนวความคิดของคุณคธาไว้กับพวกเขาเสมอ หลายคนทำได้สำเร็จ และใช้เวลาเพียงครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับเวลาที่ผมใช้เรียนรู้ พวกเขาก้าวขึ้นมาเป็นผู้กำกับศิลป์และผู้ออกแบบงานสร้างในเวลาต่อมา ขณะนี้ผมกำลังรอดูอยู่ว่า พวกเขาจะสร้างสรรค์อะไรที่น่าตื่นเต้น ในครึ่งหลังของช่วงชีวิตการทำงานของพวกเขา... ผมกำลังรอดูงานจากพวกเขาอยู่