Home » My Blog » “คำตอบเงียบ”

“คำตอบเงียบ”

Posted 05 July 2019

“คำตอบเงียบ”

ความทรงจำของผมที่มีต่ออาจารย์อารี ไม่ค่อยมีอะไรเป็นรูปธรรมมาก รู้แต่ว่ารักและเคารพเทิดทูนเหมือนเช่นลูกศิษย์ของท่านทุกๆคน
ผมจำภาพได้คือ อาจารย์จะมีเสียงที่ดังฟังชัด และรอยยิ้มกวนกวนที่พวกเรารู้ดีว่า ท่านเต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตา
อย่างว่าแหละครับในช่วงวัยรุ่นวัยศึกษา ภูมิปัญญาของเราย่อมตื้นเขินเป็นธรรมดา ในเวลานั้นความสนใจใฝ่เรียนรู้ในเรื่องต่างต่างมีมากมาย จนไม่ได้โฟกัสการเรียนในชั้นเรียนมากพอ

คำสอนของครูจึงเก็บเกี่ยวมาได้ไม่หมด

ผมเรียนศิลปะที่นี่ทีเดียว จึงไม่รู้ว่ามันแตกต่างอย่างไรกับสถาบันศิลปะอื่นๆ รู้เพียงแต่ว่าอาจารย์ที่นี่โดยเฉพาะอาจารย์อารี ท่านเขียนหนังสือตำรับตำรามาแล้วหลายเล่มก่อนที่ผมจะเข้าเรียนที่ ทัศนศิลป์ประสานมิตร ก็รู้สึกว่ามันน่าทึ่งมาก

เอาเข้าจริงๆผมจะจำคำพูดของท่านอาจารย์อารีได้อยู่คำหนึ่งคือคำว่า “คำตอบเงียบ”

 

ในชั้นเรียน อาจารย์อารี จะมีคำตอบแบบนี้กี่ครั้งผมจำไม่ได้ แต่ก็มานั่งคิดใคร่ครวญย้อนหลังไป ที่จำคำนี้ได้ก็เพราะว่าพวกเราในชั้นเรียนก็จะขบขัน กับท่าทางของอาจารย์ที่ตอบใครบางคนในวันนั้น ผมนั่งคิดในใจว่ามันน่าจะเป็นอะไรที่มีความหมายซ่อนอยู่ แต่ก็ไม่เข้าใจหรอก พวกเราบางคนบอกว่า เป็นคำตอบที่กวนดี หรือว่าอาจารย์ไม่รู้ว่าจะตอบคำถามพวกเราได้อย่างไร?

 

เล่าให้ฟังนิดหนึ่งว่างานที่ผมทำอยู่ในแผนกศิลปกรรมของกองถ่ายทำภาพยนตร์ ในตำแหน่ง production designer

ถ้าเป็นภาพยนตร์โฆษณา ขนาดของแผนกก็จะเล็กหน่อยอาจจะประมาณ 10 ถึง 20 คน แต่ถ้าเป็นภาพยนตร์เรื่องยาว ที่ทำอยู่ เราทำงานร่วมกับคนประมาณ 70 ถึง 80 คน แผนกศิลปกรรมจะประกอบไปด้วยแผนกแยกย่อยอีกถึงสองสามแผนกเรียกว่า sub department อาทิเช่น แผนกก่อสร้าง,แผนกตกแต่ง เป็นต้น คนที่มาทำงานอยู่รวมกันมีตั้งแต่จบปริญญาโทไปจนถึงคนไม่มีวุฒิการศึกษาเลยก็มี การเป็น “ผู้ออกแบบภาพยนตร์/production designer” จะว่าไปแล้วครึ่งหนึ่งดูจะเป็นการบริหารงานกับคน พอๆกันกับงานออกแบบศิลปกรรมอีกครึ่งหนึ่ง

ผมเคยนั่งคิดว่าในงานหนึ่งงาน จะต้องตอบคำถามคนในสายงาน มากมายนับพันพันครั้ง ถ้าเป็นทีวีซีรี่ย์ต่างประเทศที่ทำอยู่ขณะนี้ เตรียมงานและถ่ายทำเป็นเวลาครึ่งปี ผมเชื่อว่าจำนวนคำถามน่าจะเป็นหลักหมื่น อีกอย่างหนึ่งมันเป็นงานที่เจอหน้ากันตัวต่อตัว เพราะฉะนั้นทักษะการสื่อสารก็เป็นเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง

เมื่อทำงานมานานและตอบคำถามเยอะเยอะ เลยทำให้คิดถึง"คำ"ของอาจารย์ที่เคยตอบพวกเราไว้ในชั้นเรียน

 

คำตอบเงียบ, silent amswer” ในวันเวลาที่เราเติบโตขึ้น มองเห็นอะไรมากขึ้น เคยทำอะไรทีผิดและบกพร่อง ได้เรียนรู้อะไรมากขึ้น ผมคิดว่า “คำตอบเงียบ” ในขั้นที่หนึ่งเป็นวิธีการตอบอย่างสุภาพ มีความเมตตากรุณา เพราะในหลายหลายคำถามนั้นเป็นคำถามที่ไม่ควรถามเลย, เป็นคำถามที่ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะถาม, หรือเป็นคำถามที่มาจากทัศนคติที่ไม่ดี อีกนัยยะหนึ่งเรากำลังพูดถึงเรื่องการมีขันติ มีความอดทนอดกลั้นไม่โต้ตอบ และวางตัวอย่างสุภาพอ่อนโยน ในสายงานที่ทำอยู่นั้นมีทั้งผู้ที่มีอำนาจเหนือเราและผู้ที่อยู่ใต้สายงานที่เราปกครองอยู่

เขาเหล่านั้นจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม พร้อมจะโยนคำถามชนิดแบบนั้นมา, ผมพบว่าการไม่ตอบคำถามเหล่านั้นเป็นวิธีปฏิบัติโต้ตอบที่ดี

 

“คำตอบเงียบ” ในขั้นที่สูงขึ้นผมเรียนรู้ว่าในการทำงานศิลปะเป็นสายงานแบบหนึ่งที่บ่อยครั้ง เป็นเรื่องอัตวิสัย ไม่มีถูกไม่มีผิด เราอาจจะชอบอย่างหนึ่งเพื่อนเราอาจจะชอบอีกแบบนึง บ่อยครั้งที่คนทำงานในสายงานมักจะทะเลาะมีอารมณ์ขุ่นเคืองกันและกัน ยึดมั่นในอัตตาของตน

ผมคิดว่า รหัสคำตอบอาจารย์ น่าจะหมายความว่า ความจริงหรือความไม่จริง, ความใช่หรือไม่ใช่, ความชอบหรือความไม่ชอบ หลากหลายอย่างในงานศิลปะมันเป็นเรื่องอัตวิสัย ในบางกรณีคำตอบที่ชี้ไปในทางใดทางหนึ่ง อาจทำให้ผู้ที่รับฟังไปติดยึดกับการชี้นำของผู้ตอบ ย้อนไปสมัยเรียนผมคิดว่าเราก็เหมือนเด็กเด็กทั่วไปที่เวลาอยากรู้อะไรก็คิดว่าทุกอย่างเป็นของสำเร็จรูปไปหมด คำตอบก็อยากได้แบบสำเร็จรูป

จนเมื่อโตขึ้นแล้วทำงานมานานนาน ก็พบว่าหลายหลายอย่าง

มันตอบชี้ชัดไม่ได้จริงๆแล้วถ้าตอบไป ผู้ฟังเขาเชื่อเรา มันอาจจะนำไปสู่ความคิดที่ไม่สมบูรณ์แบบ ติดตัวเขาไปก็ได้

 

“คำตอบเงียบ” ในขั้นสุดท้ายที่พอจะมีปัญญาคิดออก

ผมเชื่อว่าพวกเราช่างเป็นนักเรียน ที่โชคดีมากมายมหาศาล ที่อาจารย์อารี ได้ปลูกฝังอะไรบางอย่างให้เราเป็นคนช่างคิดช่างสังเกตุ ไม่เชื่ออะไรง่ายง่าย ให้ทำตัวเป็นนักวิทยาศาสตร์ในขณะที่มือถือพู่กัน พร้อมที่จะตั้งคำถาม พร้อมที่จะไม่เชื่อ แล้วนำไปสู่ การคิดค้นหา ทดลองปฏิบัติ และผลิตผลงานในแบบของตนในที่สุด

ทำงานมานานนาน ลูกน้องในสายงานก็ดูจะคล้ายลูกศิษย์นั่นแหละ

บ่อยครั้งเหลือเกิน ที่พวกเขายอมจำนนง่ายง่ายแล้ววิ่งมาหัวหน้า โยนคำถามและคาดหวังให้ได้คำตอบที่ชัดเจน ผมมักจะเลียนแบบคำพูดของอาจารย์ แล้วก็ปล่อยให้พวกเขางงงงกันไป บ่อยครั้งเหลือเกินที่ผมพบว่าหลังจากที่พวกเขาไม่ได้รับคำตอบจากหัวหน้างาน เขาก็สามารถทำงาน ตรงจุดจุดนั้นต่อได้และบางทีผลลัพธ์ก็ออกมาดูดีกว่าที่คิดเสียอีก

การไม่ตอบ ในหลายครั้งกระตุ้นให้คนทำงานต้องใช้ความพยายามและความคิดให้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีแก่ทุกฝ่ายในที่สุด

เมล็ดพันธุ์ที่ได้จากการศึกษาที่ดี มีครูบาอาจารย์ที่ดี ผมเชื่อว่าทำให้เราเป็นคนที่ดี,มีทักษะในการทำงานที่ดี

 

ถ้า "ความเงียบ" เป็นเสียงโน๊ตอีกตัวนึง ความเงียบในเสียงดนตรีทำให้เกิดจังหวะจังหวะจะโคน ความเงียบทำให้เรามีเวลาได้คิดหาคำตอบที่ถูกที่เหมาะสมได้ในแต่ละสถาณการณ์, "คำตอบเงียบ"จึงเป็นคุณค่าหนึ่งในหลายร้อยอย่างที่ครูปลูกฝังเอาไว้

ครูบอกว่า “ผลงานของครูคือลูกศิษย์”, ผมยืนยันความเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์อารี

และจะทำงานที่ดีและมีประโยชน์ต่อคนรุ่นต่อต่อไปให้สมกับเป็นศิษย์ครู

…และนี่ก็เป็นบางสิ่งในห้วงความคิดถึง

บางอย่างที่ถูกฝังเอาไว้จากครูคนหนึ่งของผม

 

ขอยกย่องเคารพ และขอบพระคุณอาจารย์อารี

ตั้ม ทัศนศิลป์รุ่น 4